หน้าเว็บ

ศาลเจ้าพ่อเสือ จังหวัดอุทัยธานี

ศาลเจ้าพ่อเสือ จังหวัดอุทัยธานี
ต.หนองไผ่แบน อ.เมือง จ.อุทัยธานี

วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

แนะนำตำหนักปู่เสือ

ตำหนักปู่เสือเดิมมีชื่อว่า ตำหนักปู่เสือบุดาและคณปติเทพ เนื่องจากเทพที่มาประทับทรงแต่เดิมชื่อว่า ปู่เสือบุดา ท่านบอกเพียงแต่ว่ามาย้ายมากจากที่ไหน ด้วยสาเหตุใด ท่านลงประทับได้ยากมากเนื่องจากร่างยังไม่พร้อม พูดจาฟังไม่รู้เรื่อง เสียงดังโวยวายไม่เป็นภาษา จนเวลาผ่านไปหลายเดือนร่างของปู่เริ่มยอมรับและปฏิบัติไหว้พระสวดมนต์ทำให้เกิดบารมีมากขึ้นเริ่มพูดชัดแต่ยังฟังเข้าใจยากเนื่องจากท่านพูดเสียงแหบและติดอ่าง ไม่ยอมที่จะให้มีขันค่าครูและไม่รับเงินใดๆทั้งสิ้น บอกเพียงแต่ว่ามาช่วยคน ระหว่างนั้นได้มีปู่ฤาษีท่านหนึ่งมาขออยู่ในตำหนักด้วยเนื่องจากมีคนมอบองค์ให้มา เจ้าของเดิมเป็นชาวจังหวัดลำปางซึ่งทอดทิ้งท่าน ประทับครั้งแรกท่านได้แต่ร้องไห้เสียพระทัย ต่อมาไม่นานมีปู่เจ้าสมิงพรายมาประทับ ซึ่งเกิดจากการที่ร่างอ่านตำราและท่องบทสวดทำให้พระองค์ลงประทับได้และทำการครอบเศียรด้วยพระองค์เอง การแบ่งงานของแต่ละองค์เป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี โดยปู่เสือบุดาเป็นเสมือนผู้ประทับประจำ ปูเจ้าสมิงพรายมีหน้าที่ทำน้ำมนต์เสี่ยงโชค ปู่ฤาษีมีหน้าที่อ่านดวงชะตาที่หลายคนยอมรับว่าแม่นยำมาก เริ่มออกรับงานตั้งศาล ในกลุ่มเครือญาติและคนรู้จักเนื่องจากยังไม่มีชื่อเสียง วันเวลาผ่านไปปู่เสือบุดาย้ำเสมอว่าพระองค์ท่านไม่ใช่เจ้าของตำหนัก มีอีกพระองค์แต่ไม่บอกว่าเป็นพระองค์ใดและยิ่งตกใจมากเมื่อวันหนึ่งท่านบอกว่าวันข้างหน้าท่านจะไม่ประทับเพื่อดูดวง จะมีคนอื่นมาทำหน้าที่แทน เป็นที่สงสัยอย่างมากว่าจะเกิดอะไรขึ้น เวลาล่วงเข้าเดือนที่สิบ ปู่ท่านย้ำให้เปิดตำหนักให้คนรู้จักได้แล้ว ซึ่งปัญหาที่สำคัญก็คือ ยังขาดความมั่นใจ และท่านก็ย้ำให้ไหว้ครูซึ่งตอนแรกจะจัดแบบเงียบๆ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย จึงเกิดข้อถกเถียงกันในกลุ่มว่าจะจัดหรือไม่จัด ซึ่งร่างปู่ได้จุดธูปบอกกล่าวขอให้ได้เงินก้อนใหญ่มาเพื่อจัดงานไหว้ครู เวลาผ่านไปเพียง 2 วัน ก็ได้เงินก้อนใหญ่มาจัดงาน วันหนึ่งเจ้าแม่ทิพเกษร เทพสตรีชาวล้านนา ได้ประทับร่าง ซึ่งท่านบอกว่าจะมาช่วยจัดพิธีไหว้ครู ซึ่งได้รับมอบหมายมาจากปู่เสือ ท่านเป็นคนละเอียดมากได้ช่วยคิดและตระเตรียมงานอย่างรอบคอบ จนมาถึงวันที่ออกแจกบัตรเชิญยังตำหนักทรงต่างๆ เมื่อถึงตำหนักหนึ่งก็มีเทพองค์ใหม่มาประทับทรงได้แต่ร้องไห้ เสียพระทัยจึงรู้ว่า ท่านย้ายมาจากอีกตำหนักหนึ่งซึ่งร่างก็เคยไปร่วมงานมาบ่อยครั้ง ได้ตัดสินใจย้ายมาที่นี่และนี่คือ องค์เทพที่ปู่เสือบุดา ท่านเคยกล่าวไว้ ทำให้ความลับและความสงสัยกว่า 11 เดือนก็ถูกเฉลยขึ้นมาว่าเทพทั้งหมดย้ายมาจากตำหนักหนึ่งในจังหวัดอุทัยธานีซึ่งมีชื่อเสียงมาก แต่ได้ปฏิบัติในสิ่งที่ไม่เหมาะสมไว้ทำให้พระองค์ท่านต้องถอยตำหนักมาอยู่ร่างใหม่ ณ ที่แห่งนี้ หลังจากนี้ปู่เสือบุดาซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นน้องชายปู่เสือจอมก็จะไม่ลงมาประทับบ่อยๆแล้ว ผู้ที่ลงมาช่วยมนุษย์ต่อไปนั้น ก็คือปู่เสือจอม โดยท่านขอให้เปลี่ยนชื่อตำหนักใหม่ เป็นตำหนักปู่เสือ แต่เนื่องจากเป็นตำหนักสองศาสนาและมีพระพิฆเณศเป็นองค์ประธาน จึงมีชื่อทางการว่า "ตำหนักปู่เสือและคณปติเทพ " ซึ่งหลังจากไวห้ครูเรียบร้อยแล้วชื่อเสียงที่เล่าขานก็แผ่ขจรขจายไปหลายจังหวัดจนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาในองค์ปู่เสือจอม จนแขกหลายๆรายต้องโทรศัพท์จองคิวก่อนมาเจอปู่เลยก็ว่าได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น