การเดินทางไปประเทศมาเลเซียครั้งนี้ เกิดจากการที่นักธุรกิจชาวมาเลเซียท่านหนึ่ง เดินทางมาขอความช่วยเหลือจากปู่เสือหลังจากรุ้สึกว่ามีปัญหาต่างๆในชีวิต หลังจากที่กลับไปแล้วพบว่า ชีวิตของตนเองดีขึ้นตามลำดับ จึงให้เลขาติดต่อมายังตำหนักปู่เสือเพื่อขอรับร่างปู่พร้อมทีมงาน ตำหนักปู่เสือไปเยี่ยมธุรกิจของตน ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในเดือนสิงหาคม ปี 2554
พราหมณ์ จักริเณ คณปติ (พาราหมณ์ประจำตำหนักปู่เสือ) ผู้ประสานงานในการเดินทางทั้งหมด
ร่างปู่เสือ ถ่ายรูปลานนารายณ์เกษียรสมุทร ที่สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ประเทศไทย หลังจากผ่านด่านตรวจหนังสือเดินทาง เพื่อรอเดินทางสู่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
เช้าวันใหม่และวันแรกใน กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ก่อนที่จะทำพิธีต่างๆให้กับคณะลูกศิษย์ ด้านหลังคือการประดับธงชาติมาเลเซีย เนื่องจากเป็นช่วงวันปีใหม่มาเลเซีย และถือเป็นวันชาติอีกด้วย
ศาลเจ้าจีน ทางคณะตำหนักปู่เสือเดินทางมาบอกกล่าวเหล่าเทพของมาเลเซียอันมีพระยูไล , พระโพธิสัตว์ฯ กวนอิม เป็นประธานในศาลเจ้า เพื่อเปิดทางในการทำพิธีต่าง ที่ศาลเจ้าแห่งหนึ่ง ในกรุงกัวลาลัมเปอร์
วิธีการจุดธูปเพื่อปล่อยเคราะห์ เสริมดวงชะตาแก่ตนเองของชาวมาเลเซีย โดยเขียนชื่อพร้อมวันเดือนปีเกิด แขวนไว้ด้านในวงของธูป
อาหมวย ลูกสาวคนเดียวของปู่เสือ พาร่างปู่แนะนำวัดสำคัญและพาเที่ยวตลาด ทานอาหารจีน ใน กรุงกัวลาลัมเปอร์
พิธีล้างคาถาอาคมที่เคยสักยันต์เอาไว้ แต่(อาหมิง) นักธุรกิจท่านนี้ ต้องการที่จะไม่รักษาไว้ต่อไป จึงขอให้ปู่เสือทำพิธีล้างอักขระ คาถาอาคมด้วยไฟ ณ ตำหนักชั่วคราว กรุงกัวลาลัมเปอร์
คนไทยในมาเลเซีย ที่รู้ข่าวการมาปู่เสือ เดินทางมาจอความช่วยเหลือและขออาบน้ำมนต์
อาวอง ลูกชายคนที่ 9 ของปู่เสือ เจ้าของธุรกิจร้านเพชรทอง ถ่ายรูปกับทางตำหนักหลังจากถวายตัวเป็นลูกชายคนล่าสุด (ปัจจุบันขยายร้าน เป็นธุรกิจ jame & jewellry ตามคำแนะนำของปู่เสือ)
เยี่ยมทำเนียบรัฐบาลมาเลเซีย ยามกลางคืน ก่อนที่ตะเดินทางกลับประเทศไทย
ระหว่างรอเครื่องบิน ที่ห้องรับรองผู้โดยสาร สนามบินนานาชาติ ประเทศมาเลเซีย
ระหว่างอยู่บนเพดานบิน มองเห็นทัศนียภาพของประเทศไทยก่อนเครื่องจะลงจอด
ทางตำหนักปู่เสือ เดินทางถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ ในเดือนกันยายน 2554 ตามคำขอของคณะศิษย์ในประเทศไทยและประกอบกับ เสร็จสิ้นภาระกิจในมาเลเซีย